กลูต้าคืออะไร?
กลูต้า (Glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดธรรมชาติในร่างกายของเรา มีบทบาทสำคัญในการปกป้องเซลล์และรักษาสุขภาพของเรา อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลูต้ากลายเป็นสารสกัดที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของผู้ที่มองหาวิธีเสริมสร้างสุขภาพผิวให้ดูสดใสและมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น

กินกลูต้าแล้วขาวจริงหรือ?

หลายคนนิยมบริโภคกลูต้าไธโอนในรูปแบบอาหารเสริมหรือฉีดเข้าเส้นเลือดเพื่อหวังผลให้ผิวขาวขึ้น แต่แท้จริงแล้วกลูต้าไธโอนที่บริโภคเข้าไปร่างกายดูดซึมได้น้อยมากเพียง 10-20% เท่านั้น สาเหตุหลักคือกลูต้าไธโอนเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่และละลายน้ำได้น้อย จึงถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ไม่ดี แต่ว่า มันมีวิธีที่ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีอยู่

เราสามารถเพิ่มการดูดซึมกลูต้าไธโอนได้ด้วยการบริโภคสารตั้งต้นกลูต้าไธ คือ L-Cysteine คู่กับวิตามินซีไร้กรด ช่วยเพิ่มการดูดซึม L-Cysteine

วิตามินซีไร้กรดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ L-Cysteine คงตัวในร่างกายได้นานขึ้น ส่งผลให้ร่างกายดูดซึม L-Cysteine ได้มากขึ้น

การรับประทาน L-Cysteine คู่กับวิตามินซีไร้กรด ช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้

L-Cysteine ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่สร้างเม็ดสีเมลานินในผิว โดยเมลานินเป็นเม็ดสีที่ทำให้ผิวคล้ำ

ดังนั้นการรับประทาน L-Cysteine คู่กับวิตามินซีไร้กรดจึงมีส่วนช่วยในการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้น

นอกจากนี้ การบริโภคกลูต้าไธโอนร่วมกับวิตามินซียังช่วยเพิ่มการดูดซึมได้อีกด้วย เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้กลูต้าไธโอนคงตัวในร่างกายได้นานขึ้น

อีกทั้งยังช่วยเปลี่ยนเม็ดสีเมลานินในผิวจากยูเมลานิน (Eumelanin) ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้ผิวคล้ำ ให้เป็นฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้ผิวขาวขึ้น โดยยูเมลานินจะผลิตออกมามากขึ้นเมื่อร่างกายได้รับแสงแดด แต่ฟีโอเมลานินจะผลิตออกมาเท่าเดิมเมื่อได้รับแสงแดด ส่งผลให้ผิวขาวขึ้น

และที่สำคัญ ร่างกายจะผลิตกลูต้าไธโอนได้น้อยลงเรื่อยๆตามอายุขัย จึงอาจทำให้ผิวคล้ำลงตามไปด้วย การบริโภคกลูต้าไธโอนจึงอาจช่วยชะลอความคล้ำของผิวได้